อังกฤษประกาศยุทธศาสตร์ใช้ภาคการเงินเป็นตัวนำอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รัฐบาลอังกฤษประกาศ "ยุทธศาสตร์การเงินสีเขียว" (Green Finance Strategy) หรือยุทธศาสตร์การเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม เน้นเพิ่มการลงทุนในโครงการและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความยั่งยืน พร้อมย้ำจุดยืนของสหราชอาณาจักรในการเป็นผู้นำลดการปล่อยคาร์บอน มุ่งบรรลุเป้าหมายตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050
- จอห์น เกล็น รัฐมนตรีที่รับผิดชอบภาคการเงินของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ภาคบริการทางการเงินของสหราชอาณาจักรต้องมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหลือศูนย์ให้ได้ตามเป้าในปี 2050
*“ยุทธศาสตร์การเงินสีเขียว” (Green Finance Strategy) จะส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืน โดยวางแผนให้บรรดาบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเปิดเผยข้อมูลว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อการทำงานของธุรกิจอย่างไรบ้าง
- ยุทธศาสตร์นี้จะผลักดันให้สหราชอาณาจักรเป็นศูนย์กลางระดับนานาชาติในด้านความรู้ความเชี่ยวชาญและเงินทุนที่จะสนับสนุนโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
จอห์น เกล็น รัฐมนตรีที่รับผิดชอบภาคการเงินของสหราชอาณาจักร กล่าวว่าภาคการเงินต้องเป็นผู้นำในการสร้างอนาคตของประเทศที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เกล็นประกาศเปิดตัวยุทธศาสตร์การเงินสีเขียวในที่ประชุมสุดยอดด้านการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Finance Summit) ครั้งที่ 3 ณ กรุงลอนดอนเมื่อวันอังคาร (2 ก.ค.) ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่าภาคบริการทางการเงินจะมีบทบาทสำคัญกว่าภาคอื่น ๆ ในการจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ยุทธศาสตร์นี้จะเป็นโอกาสสร้างลอนดอนให้เป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนเพื่อ “ธุรกิจสีเขียว” ท่ามกลางกระแสโลกที่กำลังเคลื่อนไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยั่งยืน และพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง
ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะกำหนดแผนการเพิ่มการลงทุนในโครงการและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็สนับสนุนจุดยืนของอังกฤษในการเป็นผู้นำด้านการลดการปล่อยคาร์บอน และบรรลุเป้าหมายการตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050 นอกจากนี้ยังจะพัฒนาต่อยอดผลการศึกษาของคณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures) ซึ่งนำโดยไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก และมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ
ส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์กล่าวถึงการวางแนวทางให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และเจ้าของสินทรัพย์ใหญ่ ๆ เปิดเผยข้อมูลว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อกิจกรรมทางธุรกิจอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษจะร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมในการบรรลุเป้าหมายนี้ โดยอาจพิจารณาออกมาตรการบังคับเปิดเผยข้อมูลหากจำเป็น
นอกจากนี้ยังมีการประกาศแนวทางอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น
-
การร่วมทุนกับรัฐบาลท้องถิ่นของกรุงลอนดอน สนับสนุนสถาบันการเงินสีเขียว (Green Finance Institute) เพื่อสานความร่วมมือที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นระหว่างภาครัฐบาลและเอกชน เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้นักลงทุน และผลักดันให้สหราชอาณาจักรเป็นศูนย์กลางการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมของโลก
-
จัดตั้งกองทุนการเงินเพื่อบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Home Finance) มูลค่า 5 ล้านปอนด์เพื่อนำร่องผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เช่น สินเชื่อสีเขียวเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งใช้นโยบายการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมมาสนับสนุนการใช้พลังงานในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ออกมาตรการจูงใจเพื่อการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
-
การออกกฎเกี่ยวกับการศึกษาด้านการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Finance Education Charter) เพื่อกำหนดให้หลักสูตรและวุฒิการศึกษาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภาคการเงินต้องมีการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้บุคลากรในวิชาชีพมีความพร้อมในการดำเนินตามยุทธศาสตร์
-
กำหนดให้การทำงานและการออกกฎเกณฑ์ใด ๆ ของหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย หน่วยงานกำกับดูแลเหล่านี้รวมถึง Prudential Regulatory Authority (หน่วยงานกำกับดูแลด้านความมั่นคงของผู้ประกอบธุรกิจการเงิน), Financial Conduct Authority (หน่วยงานกำกับเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจการเงิน) และ Financial Policy Committee (คณะกรรมการนโยบายการเงิน)
-
มีบทบาทในระดับโลกด้วยการตั้งงบประมาณ 5,800 ล้านปอนด์สำหรับการเงินที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยส่งเสริมให้ประเทศอื่น ๆ เพิ่มความพยายามในด้านนี้ผ่านเวทีการประชุม เช่น การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการมาตรการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UN’s Climate Action Summit) รวมทั้งร่วมมือกับภาคเอกชนในการกำหนดหลักทางการเงินเพื่อค่อย ๆ ยกเลิกการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานถ่านหิน และดูแลให้สหราชอาณาจักรให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศต่าง ๆ ไปในแนวทางเดียวกับเป้าหมายที่ระบุในความตกลงปารีส
จอห์น เกล็น รัฐมนตรีที่รับผิดชอบภาคการเงินของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า
แม้สหราชอาณาจักรจะเป็นผู้นำความพยายามต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมายาวนาน แต่เราก็ยังต้องพยายามยิ่งขึ้นอีกเพื่อปกป้องโลกไว้ให้คนรุ่นหลัง
ภาคบริการทางการเงินมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องอนาคตของสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับเราทุกคน การลงทุนมากขึ้นในโครงการเพื่อความยั่งยืนไม่เพียงแต่จะปกป้องอนาคตเท่านั้น แต่ยังจะช่วยส่งเสริมให้ลอนดอนให้เป็นศูนย์กลางนานาชาติด้านการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ยุทธศาสตร์การเงินสีเขียวจะสนับสนุนความตั้งใจยิ่งใหญ่นี้ ด้วยโครงการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ และการวางแนวทางให้การตัดสินใจด้านการเงินทั้งหมดต้องคำนึงถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมด้วยเป็นสำคัญ
คริส สกิดมอร์ รัฐมนตรีด้านพลังงานและการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า
ในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ประเทศแรกที่มีเป้าหมายตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 การเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมถือว่ามีบทบาทสำคัญในภารกิจเพื่อปกป้องโลกไปพร้อมกับขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เราจะเดินหน้าร่วมมือกับภาคบริการทางการเงินชั้นนำในการขับเคลื่อนกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก โดยอาศัยแผนยุทธศาสตร์ที่เราประกาศในวันนี้ และการยกการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นหัวใจของยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมสมัยใหม่ของสหราชอาณาจักร เราจะแสดงให้โลกเห็นว่าธุรกิจที่มีความรับผิดชอบจะสร้างประโยชน์ได้ทั้งต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมโดยไม่มีฝ่ายใดต้องสูญเสีย
ดร. ริอาน-มารี โธมัส ซีอีโอของสถาบันการเงินสีเขียว (Green Finance Institute) กล่าวว่า
Green Finance Institute ในฐานะเวทีหลักด้านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะจัดการกับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ขัดขวางการเคลื่อนย้ายเงินทุนเพื่อมุ่งไปสู่ผลทางเศรษฐกิจที่แท้จริงและมีพลัง
การประกาศยุทธศาสตร์การเงินสีเขียวในวันนี้นับเป็นหมุดหมายสำคัญอีกประการหนึ่งในเส้นทางของสหราชอาณาจักรที่มุ่งไปสู่เศรษฐกิจที่จะปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ และสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศได้
สัปดาห์ที่แล้วสหราชอาณาจักรนับเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ประเทศแรกของโลกที่ได้ผ่านกฎหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งทำให้ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมสมัยใหม่ของอังกฤษต้องคำนึงถึงการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
ปัจจุบันสหราชอาณาจักรเป็นผู้นำด้านการตัดลดการปล่อยคาร์บอน เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเติบโตขึ้นประมาณสองในสามในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การปล่อยคาร์บอนกลับลดลงกว่า 40% ซึ่งหมายความว่าอังกฤษเป็นประเทศที่ทำผลงานด้านนี้ได้ดีที่สุดในกลุ่มประเทศจี 7 อย่างไรก็ตาม ขณะที่ธนาคารอังกฤษประมาณ 70% มองว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยเสี่ยงทางการเงินประการหนึ่ง แต่กลับมีเพียง 10% เท่านั้นที่มีมาตรการระยะยาวเพื่อจัดการกับความเสี่ยงนี้
ยุทธศาสตร์ล่าสุดนี้ของอังกฤษนับเป็นการต่อยอดจาก พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นกฎหมายลักษณะนี้ฉบับแรก และมีแนวทางจะนำแผนสิ่งแวดล้อม 20 ปีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป
Updates to this page
อัปเดตล่าสุดเมื่อ 5 July 2019 + show all updates
-
Added Thai translation
-
First published.