ข่าวประชาสัมพันธ์

นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ กล่าวว่าสหราชอาณาจักรจะยุติการมีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายในปี 2050

สหราชอาณาจักรตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) ซึ่งจะส่งผลดีในด้านสุขภาพ คุณภาพอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ

เผยแพร่ภายใต้ 2016 to 2019 May Conservative government

เมื่อวันพุธที่ 12 มิถุนายน สหราชอาณาจักรได้ออกกฏหมายซึ่งจะทำให้สหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ประเทศแรกที่บรรจุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ไว้ในกฎหมาย

คนรุ่นใหม่จะมีส่วนร่วมทำงานกับรัฐบาลในการกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านกลุ่มเยาวชนขับเคลื่อน Youth Steering Group นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ได้ประกาศว่าสหราชอาณาจักรจะเลิกเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยรวมอย่างสิ้นเชิงภายในปี 2050

รัฐสภาอังกฤษใช้กระบวนการทางกฎหมายเพื่อแก้พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับปี 2008 เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ยังจะได้พบกับนักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เพื่อพูดคุยถึงเป้าหมายยิ่งใหญ่อันใหม่นี้ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของเหล่าผู้เชี่ยวชาญอิสระจากคณะกรรมการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Committee on Climate Change)

ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรนับเป็นผู้นำของโลกในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และรัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ให้คณะกรรมการดังกล่าวจัดทำคำแนะนำนี้ขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาโดยตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่

รายงานของคณะกรรมการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดการณ์ถึงประโยชน์ที่ชัดเจนด้านสาธารณสุขและการประหยัดงบประมาณระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ จากคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นและมลพิษทางเสียงที่ลดลง เช่นเดียวกับความหลากหลายทางชีวภาพที่มากขึ้น

กฏหมายฉบับนี้จะทำให้สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกของกลุ่ม G7 ที่จะออกกฏหมายตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมเป็นศูนย์ โดยคาดว่าประเทศผู้นำเศรษฐกิจอื่น ๆ จะดำเนินการตามแนวทางเดียวกันนี้ สหราชอาณาจักรเล็งเห็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจจะต้องปฏิบัติตามแนวทางนี้ ดังนั้นจึงวางแผนติดตามประเมินผลภายในเวลา 5 ปี เพื่อยืนยันว่าประเทศอื่น ๆ จะดำเนินการเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยขยายผลจากการนำร่องของสหราชอาณาจักรครั้งนี้ออกไปเป็นทวีคูณ และจะทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ระหว่างประเทศดำเนินไปอย่างเป็นธรรม

นับเป็นครั้งแรกที่คนรุ่นใหม่จะได้มีโอกาสกำหนดทิศทางนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตผ่านกลุ่ม Youth Steering Group กลุ่มเยาวชนซึ่งก่อตั้งโดยกระทรวงดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และการกีฬาของอังกฤษ และนำโดยสภาเยาวชนสหราชอาณาจักร (British Youth Council) นี้ จะให้คำแนะนำแก่รัฐบาลเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมที่พึงกระทำ รวมทั้งจะให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานต่าง ๆ ของรัฐบาลด้านสภาพภูมิอากาศ ขยะและการรีไซเคิล และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ว่าคืบหน้ามากน้อยเพียงใดในปัจจุบัน โดยกลุ่มขับเคลื่อนจะเริ่มการประเมินผลในเดือนกรกฎาคม

นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ กล่าวว่า

ในฐานะประเทศแรกที่มีเป้าหมายระยะยาวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบรรจุเป็นกฎหมาย ชาวอังกฤษควรภาคภูมิใจกับผลงานทั้งหมดของเราที่ผ่านมาในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะที่เรากระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดแรงงานให้เติบโตอย่างมากนั้น เราก็ยังไม่ละเลยการตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย

ถึงเวลาแล้วที่จะดำเนินการต่อไปให้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมให้ลูกหลานของเรา สหราชอาณาจักรเคยเป็นผู้นำโลกด้านนวัตกรรมในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม บัดนี้ถึงเวลาที่เราต้องนำโลกให้เติบโตไปในทิศทางที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เราไม่สามารถยืนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป การขจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 เป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และห่างไกล แต่เราจำเป็นต้องบรรลุเป้าหมายนี้ให้ได้เพื่อเป็นการรับประกันว่าเราจะปกป้องโลกไว้ได้สำหรับคนรุ่นหลัง

แม้การกำหนดทิศทางที่ชัดเจนของนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศในอนาคตจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในอนาคต แต่คณะกรรมการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็ยอมรับว่ารัฐบาลนี้ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งผ่านยุทธศาสตร์ Clean Growth Strategy และได้ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกภาคส่วนหลักของเศรษฐกิจตามที่ได้ระบุไว้ในรายงาน

เกรก คลาร์ค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธุรกิจ พลังงานและยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม กล่าวว่า

เราต้องการเป็นผู้นำโลกต่อไป และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงริเริ่มทำให้เป้าหมายขจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อสหราชอาณาจักรจะยุติการมีส่วนทำให้โลกร้อนได้ภายในปี 2050 รายงานที่เราให้คณะกรรมการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจัดทำนั้นระบุชัดเจนว่าเราได้วางรากฐานให้สหราชอาณาจักรเป็นเศรษฐกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และว่าเป้าหมายนี้จำเป็น และไม่ไกลเกินเอื้อม

แรงงานเกือบสี่แสนคนได้รับการว่าจ้างในภาคอุตสหกรรมคาร์บอนต่ำและในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมนี้ทั่วประเทศ เราดำเนินการตามยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยลงทุนเพื่อการเติบโตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะได้รับประโยชน์จากสิ่งที่เราลงทุนลงแรง และเพื่อสร้างงานคุณภาพสูงให้ได้ 2 ล้านตำแหน่งภายในปี 2030

ปัจจุบันสหราชอาณาจักรเป็นศูนย์กลางด้านการเติบโตและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำและพลังงานสะอาดสร้างรายได้ให้เรา 44,500 ล้านปอนด์ต่อปี เรากำลังพยายามเลิกจำหน่ายรถยนต์และรถตู้มือหนึ่งที่ใช้นำมันทั้งเบนซินและดีเซล โดยเป็นไปตามยุทธศาสตร์ Road to Zero (หนทางสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์) นอกจากนี้เรายังกำลังปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและส่งเสริมความยั่งยืนผ่านแผนสิ่งแวดล้อม 25 ปีอีกด้วย

ทั้งนี้ คำแนะนำจากคณะกรรมการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากกลุ่มธุรกิจ นักวิชาการ และบุคคลทั่วไปในสหราชอาณาจักร

ตั้งแต่ปี 2008 เมื่อสหราชอาณาจักรตั้งเป้าเดิมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 80% ภายในปี 2050 คาดการณ์ค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งประเทศในการบรรลุเป้าหมายนี้ก็ลดลงอย่างมาก อันเป็นผลจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

คณะกรรมการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายตัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ได้ภายในคาดการณ์ค่าใช้จ่ายที่ประเมินไว้ใน พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับปี 2008 .

เราจะเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรจากนานาชาติต่อไปเพื่อจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมทั้งการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการประชุมภาคีสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 หรือ COP26 ด้วย

Updates to this page

เผยแพร่เมื่อ 12 June 2019
อัปเดตล่าสุดเมื่อ 19 June 2019 + show all updates
  1. Added Thai translation

  2. First published.